การประสูติของพระเยซูคริสต์

ครั้งนั้นซีซาร์ออกัสตัสทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้ทำทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งจักรวรรดิโรมัน (นี่เป็นการขึ้นทะเบียนครั้งแรกในสมัยที่คีรินิอัสเป็นผู้ว่าการแคว้นซีเรีย) ทุกคนต่างไปยังเมืองของตนเพื่อขึ้นทะเบียน

ดังนั้นโยเซฟจึงเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีขึ้นไปยังเบธเลเฮมเมืองของดาวิดในแคว้นยูเดีย เพราะเขาสืบเชื้อสายมาจากดาวิด เขาไปขึ้นทะเบียนที่นั่นกับมารีย์คู่หมั้นซึ่งกำลังตั้งครรภ์ ขณะพวกเขาอยู่ที่นั่นก็ถึงกำหนดที่มารีย์จะคลอดบุตร นางให้กำเนิดบุตรชายหัวปี นางเอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้าเพราะในบ้านไม่มีที่ว่างให้พวกเขา

คนเลี้ยงแกะกับทูตสวรรค์

และในแถบนั้นมีคนเลี้ยงแกะอยู่กลางทุ่งเฝ้าฝูงแกะของเขายามค่ำคืน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏ และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบพวกเขาทำให้คนเหล่านั้นตกใจกลัวยิ่งนัก 10 แต่ทูตนั้นกล่าวแก่พวกเขาว่า “อย่ากลัวเลย เรานำข่าวดีมา เป็นความเปรมปรีดิ์ใหญ่หลวงสำหรับคนทั้งปวง 11 ในวันนี้ที่เมืองของดาวิดองค์พระผู้ช่วยให้รอดได้มาบังเกิดเพื่อท่าน พระองค์คือพระคริสต์[a]ผู้ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า 12 นี่เป็นหมายสำคัญแก่ท่าน คือท่านจะพบพระกุมารพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า”

13 ทันใดนั้นมีชาวสวรรค์หมู่ใหญ่มาปรากฏพร้อมกับทูตสวรรค์องค์นั้นร่วมกันสรรเสริญพระเจ้าและกล่าวว่า

14 “ขอพระเกียรติสิริมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด
และสันติสุขจงมีแก่มวลมนุษย์บนโลก
ผู้ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปราน”

15 เมื่อเหล่าทูตสวรรค์จากพวกเขากลับสู่สวรรค์แล้ว คนเลี้ยงแกะก็พูดกันว่า “ให้เราไปยังเมืองเบธเลเฮมและดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแจ้งแก่เรา”

16 ดังนั้นพวกเขาจึงรีบรุดมาและพบมารีย์ โยเซฟ กับพระกุมารซึ่งนอนอยู่ในรางหญ้า 17 เมื่อพวกเขาได้เห็นพระองค์แล้วก็กระจายข่าวเรื่องที่ทูตสวรรค์นั้นมาบอกเกี่ยวกับพระกุมาร 18 และคนทั้งปวงที่ได้ยินก็ประหลาดใจในสิ่งที่คนเลี้ยงแกะกล่าวแก่พวกเขา 19 ส่วนมารีย์เก็บเรื่องทั้งหมดนี้ใคร่ครวญอยู่ในใจ 20 คนเลี้ยงแกะกลับไปและยกย่องสรรเสริญพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่พวกเขาได้ยินและได้เห็นซึ่งเป็นเหมือนที่ทูตสวรรค์ได้แจ้งพวกเขาทุกประการ

ถวายพระกุมารในพระวิหาร

21 เมื่อครบแปดวันก็ได้เวลาที่พระกุมารต้องเข้าสุหนัต พวกเขาตั้งชื่อพระองค์ว่า เยซู ซึ่งเป็นชื่อที่ทูตสวรรค์ได้บอกไว้ตั้งแต่ยังไม่ทรงปฏิสนธิ

22 เมื่อครบกำหนดเวลาการชำระตัวของมารีย์ตามบทบัญญัติของโมเสสแล้ว โยเซฟกับมารีย์ก็นำพระกุมารมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 23 (ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “บุตรชายหัวปีทุกคนต้องถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า”[b]) 24 และถวายเครื่องบูชาตามที่กล่าวไว้ในหนังสือบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือ “นกเขาหรือนกพิราบรุ่นสองตัว”[c]

25 มีชายคนหนึ่งในกรุงเยรูซาเล็มชื่อสิเมโอน เขาเป็นคนชอบธรรมและยำเกรงพระเจ้า เขากำลังรอคอยเวลาที่ชนอิสราเอลจะได้รับการปลอบประโลมและพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับเขา 26 พระวิญญาณได้ทรงสำแดงแก่เขาว่าเขาจะได้เห็นพระคริสต์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าส่งมาก่อนที่เขาจะตาย 27 พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเขามายังลานพระวิหาร เมื่อบิดามารดานำพระกุมารเยซูมาประกอบพิธีให้แก่พระองค์ตามธรรมเนียมที่บทบัญญัติกำหนดไว้ 28 สิเมโอนก็อุ้มพระกุมารและสรรเสริญพระเจ้าว่า

29 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เจ้าชีวิต ดังที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้
บัดนี้พระองค์ทรงให้[d]ผู้รับใช้ของพระองค์ไปอย่างเป็นสุข
30 เพราะตาของข้าพระองค์ได้เห็นความรอดของพระองค์
31 ความรอดซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ต่อหน้าประชากรทั้งปวง
32 เป็นแสงสว่างเพื่อสำแดงแก่คนต่างชาติ
และเพื่อเป็นศักดิ์ศรีแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์”

33 บิดามารดาของพระกุมารก็ประหลาดใจในถ้อยคำที่เขากล่าวเกี่ยวกับพระกุมาร 34 จากนั้นสิเมโอนอวยพรพวกเขาและกล่าวกับมารีย์มารดาของพระองค์ว่า “พระกุมารนี้ถูกกำหนดไว้ให้เป็นสาเหตุของการล้มลงหรือลุกขึ้นของชาวอิสราเอลจำนวนมากและถูกกำหนดให้เป็นหมายสำคัญที่จะถูกต่อต้าน 35 เพื่อความคิดในใจของคนเป็นอันมากจะถูกเปิดเผยและดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่านเองด้วย”

36 ยังมีผู้เผยพระวจนะหญิงคนหนึ่งชื่ออันนา บุตรีฟานูเอลตระกูลอาเชอร์ นางชรามาก นางอยู่กินกับสามีได้เจ็ดปี 37 แล้วเป็นม่ายมาจนถึงอายุ 84 ปี[e] นางไม่เคยออกจากพระวิหารเลยทุกวันคืน เฝ้านมัสการ อดอาหาร และอธิษฐาน 38 ขณะนั้นนางเข้ามาหาพวกเขาแล้วขอบพระคุณพระเจ้าและกล่าวถึงพระกุมารให้บรรดาผู้ที่รอคอยการไถ่กรุงเยรูซาเล็มฟัง

39 เมื่อโยเซฟกับมารีย์ได้ทำทุกอย่างครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในหนังสือบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว เขาทั้งสองก็กลับมายังนาซาเร็ธเมืองของตนในแคว้นกาลิลี 40 และพระกุมารทรงเติบโตแข็งแรง เปี่ยมด้วยสติปัญญา และพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือพระองค์

พระกุมารเยซูที่พระวิหาร

41 บิดามารดาของพระองค์จะไปกรุงเยรูซาเล็มทุกปีเพื่อร่วมเทศกาลปัสกา 42 เมื่อพระองค์ทรงมีพระชนมายุสิบสองพรรษา พวกเขาก็มาร่วมเทศกาลตามธรรมเนียม 43 เมื่อเทศกาลสิ้นสุดลงแล้ว ขณะบิดามารดาของพระองค์กำลังเดินทางกลับบ้านพระกุมารเยซูยังอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม แต่พวกเขาไม่รู้ 44 คิดว่าทรงอยู่ในกลุ่มคนที่มาด้วยกัน เมื่อเดินทางมาได้หนึ่งวันเขาก็เริ่มหาพระกุมารในหมู่ญาติมิตร 45 เมื่อไม่พบพระองค์ พวกเขาก็กลับไปค้นหาที่กรุงเยรูซาเล็ม 46 สามวันต่อมาจึงพบพระกุมารที่ลานพระวิหาร พระองค์ทรงนั่งอยู่ในหมู่อาจารย์ กำลังฟังและซักถามอาจารย์เหล่านั้น 47 ทุกคนที่ได้ฟังพระองค์ล้วนประหลาดใจในความเข้าใจและคำตอบของพระองค์ 48 เมื่อบิดามารดาเห็นพระองค์ก็ประหลาดใจ มารดาจึงกล่าวแก่พระองค์ว่า “ลูกเอ๋ย ทำไมทำกับเราอย่างนี้? พ่อกับแม่ร้อนใจเที่ยวตามหาลูกอยู่”

49 พระกุมารตรัสว่า “ตามหาเราทำไม? ไม่รู้หรือว่าเราต้องอยู่ในพระนิเวศของพระบิดาของเรา?” 50 แต่พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัสกับพวกเขา

51 แล้วพระกุมารก็กลับมายังเมืองนาซาเร็ธกับพวกเขาและทรงอยู่ในโอวาทของพวกเขา ส่วนมารดาเก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ในใจ 52 และพระเยซูทรงเติบโตขึ้นทั้งในด้านสติปัญญาและด้านร่างกายและทรงเป็นที่ชื่นชมทั้งของพระเจ้าและของคนทั้งหลาย

Footnotes

  1. 2:11 หรือพระเมสสิยาห์ทั้งคำว่า “พระคริสต์” (เป็นคำกรีก) และ “พระเมสสิยาห์” (เป็นคำฮีบรู) แปลว่า “ผู้ที่ทรงเจิมตั้งไว้” เช่นเดียวกับข้อ 26
  2. 2:23 อพย.13:2,12
  3. 2:24 ลนต.12:8
  4. 2:29 หรือทรงสัญญาไว้ / บัดนี้ขอให้
  5. 2:37 หรือเป็นม่ายมานาน 84 ปี

การเกิดของพระเยซู

ในครั้งนั้นซีซาร์ออกัสตัส[a]ได้ออกคำสั่งให้ประชาชนไปจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วราชอาณาจักรโรมัน[b] และเป็นครั้งแรกที่มีการจดทะเบียนขณะที่คีรินิอัสเป็นผู้ว่าราชการแคว้นซีเรีย ทุกคนก็เตรียมพร้อมที่จะไปจดทะเบียนยังเมืองของตน

โยเซฟก็เดินทางไปเช่นกัน เขาออกจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีไปยังเมืองของดาวิด ซึ่งเรียกว่าเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย เพราะเขาสืบเชื้อสายจากราชวงศ์ดาวิด เพื่อจดทะเบียนสำมะโนครัวกับมารีย์คู่หมั้นซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ ขณะที่อยู่ในเมืองนั้นมารีย์ก็ครบกำหนดคลอด ทั้งสองไม่อาจหาห้องว่างได้แม้แต่ห้องเดียวจากโรงแรมทั่วไป นางได้ให้กำเนิดบุตรชายหัวปี และใช้ผ้าพันไว้แล้ววางในรางหญ้า

ทูตสวรรค์ปรากฏแก่คนเลี้ยงแกะ

ในแถบเดียวกันนั้นเองมีคนเลี้ยงแกะกำลังเฝ้าฝูงแกะอยู่ในทุ่งนายามราตรี ในทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏแก่คนเลี้ยงแกะเหล่านั้น แสงอันรุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบพวกเขา จึงทำให้เขาตกใจกลัวอย่างยิ่ง 10 ทูตสวรรค์กล่าวกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวเลย เรานำข่าวอันประเสริฐที่น่ายินดียิ่งมาให้ทุกท่าน 11 ด้วยว่าวันนี้องค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นได้กำเนิดขึ้นแล้วในเมืองของดาวิด พระองค์คือพระคริสต์[c] องค์พระผู้เป็นเจ้า 12 สัญลักษณ์สำคัญที่จะทำให้ท่านทราบได้คือ ท่านจะพบว่าทารกนั้นห่อหุ้มด้วยผ้านอนอยู่ในรางหญ้า” 13 ในทันใดนั้น ชาวสวรรค์กลุ่มใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นใกล้ๆ ทูตสวรรค์องค์นั้น และได้ร่วมกล่าวสรรเสริญพระเจ้าว่า

14 “ขอพระบารมีจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด
    และสันติสุขจงบังเกิดท่ามกลางมวลมนุษย์ในโลกที่พระองค์โปรด”

15 แล้วทูตสวรรค์เหล่านั้นก็จากคนเลี้ยงแกะคืนสู่สวรรค์ คนเลี้ยงแกะพูดกันเองว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นเราเดินทางไปยังเมืองเบธเลเฮมกันเถิด จะได้เห็นว่าสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบอกแก่เราได้บังเกิดขึ้นจริง” 16 หมู่คนเลี้ยงแกะจึงได้รีบเดินทางมาพบกับมารีย์ โยเซฟ และทารกน้อยที่นอนอยู่ในรางหญ้า 17 เมื่อพวกเขาเห็นพระองค์ก็ได้เล่าเรื่องที่ทูตสวรรค์บอกเกี่ยวกับทารกน้อยนี้ 18 ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ประหลาดใจกับเรื่องราวที่คนเลี้ยงแกะเหล่านั้นบอกแก่เขา 19 แต่ว่ามารีย์เองได้ระลึกเรื่องราวทั้งหมดไว้ในความทรงจำ และครุ่นคิดในใจ 20 และคนเลี้ยงแกะก็กลับออกไป พลางยกย่องและสรรเสริญพระเจ้าที่พวกเขาได้ยินและได้เห็นทุกสิ่ง ตามที่พวกเขาได้รับฟังคำบอกไว้

21 เมื่อครบ 8 วันก็ได้เวลาเข้าสุหนัต พระองค์ได้รับนามว่า เยซู ซึ่งเป็นชื่อที่ทูตสวรรค์ให้ไว้กับมารีย์เมื่อก่อนตั้งครรภ์

โยเซฟและมารีย์มอบพระเยซูแด่พระผู้เป็นเจ้า

22 เมื่อครบกำหนดเวลาที่จะทำพิธีชำระตัวตามหมวดกฎบัญญัติของโมเสสแล้ว[d] โยเซฟและมารีย์ก็นำพระองค์ไปยังเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อมอบแด่พระผู้เป็นเจ้า 23 ตามที่มีบันทึกไว้ในกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าว่า “บุตรชายคนแรกทุกคนจะนับว่าเป็นบุตรที่ถวายให้แด่พระผู้เป็นเจ้า”[e] 24 และเขายังได้ถวายเครื่องสักการะตามกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าอันได้แก่ “นกเขา 1 คู่ หรือนกพิราบหนุ่ม 2 ตัว”[f] 25 ในเมืองเยรูซาเล็มมีชายผู้หนึ่งชื่อ สิเมโอน ซึ่งเป็นคนที่มีความชอบธรรมทั้งยังเชื่อในพระเจ้ามาก เขารอคอยวันที่ชาวอิสราเอลจะรอดพ้น และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็สถิตกับเขาด้วย 26 พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เผยให้สิเมโอนทราบว่า เขาจะได้เห็นพระคริสต์ของพระผู้เป็นเจ้า ก่อนที่เขาจะตาย 27 พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้นำสิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่บิดามารดานำพระเยซูมาเข้าพิธีตามกฎบัญญัติ 28 สิเมโอนจึงรับพระองค์มาไว้ในอ้อมแขนและกล่าวสรรเสริญพระเจ้าว่า

29 “พระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุด ขอพระองค์ให้ข้าพเจ้า
    ผู้เป็นผู้รับใช้ไปอย่างสันติสุขเถิด ตามที่ได้สัญญาไว้
30 เพราะว่าตาของข้าพเจ้าได้เห็นความรอดพ้นที่มาจากพระองค์
31     ซึ่งพระองค์ได้จัดเตรียมไว้ที่ตรงหน้าคนทั้งปวงแล้ว
32 เป็นแสงสว่างให้บรรดาคนนอกได้รู้เห็นชัด[g]
    และเพื่อเป็นบารมีแก่อิสราเอล ซึ่งเป็นชนชาติของพระองค์”

33 บิดามารดาของพระเยซูต่างประหลาดใจเมื่อได้ยินคำที่สิเมโอนกล่าวอ้างถึงพระองค์เช่นนั้น 34 หลังจากสิเมโอนอวยพรทั้งสองแล้วก็ได้กล่าวกับมารีย์มารดาของพระองค์ว่า “ดูเถิด เด็กผู้นี้ได้รับมอบหมายให้เป็นเหตุของการล้มลงและลุกขึ้นของคนจำนวนมากในอิสราเอล และเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ผู้คนจะต่อต้าน 35 เพื่อว่าความคิดในใจของคนเป็นอันมากจะปรากฏชัด และความโศกเศร้าดั่งคมดาบจะทิ่มแทงจิตใจของท่าน มารีย์”

36 ยังมีหญิงชราผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าคนหนึ่งชื่ออันนา นางเป็นบุตรีของฟานูเอลเผ่าอาเชอร์ นางสมรสอยู่กินกับสามีได้เพียง 7 ปี 37 และก็เป็นม่ายมาจนอายุได้ 84 ปี นางไม่เคยย่างกรายออกจากพระวิหารเลย อันนาใช้เวลาทั้งกลางวันและกลางคืนนมัสการ อดอาหาร และอธิษฐาน 38 ขณะนั้นนางได้เดินเข้ามาหาและกล่าวขอบคุณพระเจ้า แล้วนางก็พูดถึงพระองค์ให้คนทั้งหลายที่เฝ้ารอการไถ่ของเยรูซาเล็มฟังด้วย

39 หลังจากเสร็จพิธีตามกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว คนทั้งสามได้เดินทางกลับมายังนาซาเร็ธเมืองของตนในแคว้นกาลิลี 40 ทารกก็ได้เจริญวัย สมบูรณ์และเปี่ยมด้วยพระปัญญา และพระคุณของพระเจ้าได้สถิตกับพระองค์ด้วย

พระเยซูไปยังพระวิหารครั้งยังเยาว์

41 โยเซฟและมารีย์ได้เดินทางไปยังเมืองเยรูซาเล็มทุกๆ ปีในเทศกาลปัสกา[h] 42 เมื่อพระเยซูอายุได้ 12 ปี ทั้งสามก็ขึ้นไปร่วมในเทศกาลตามประเพณีนิยม 43 ครั้นงานเทศกาลสิ้นสุดลง บิดามารดาของพระองค์ได้เดินทางกลับบ้าน แต่พระเยซูยังอยู่ต่อที่เมืองเยรูซาเล็ม โดยที่ทั้งสองไม่ทราบ 44 แต่คิดว่าพระองค์อาจจะเดินทางพร้อมกับหมู่คนที่เดินทางไปด้วยแล้ว ครั้นออกกันไปได้หนึ่งวัน จึงได้ตามหาพระองค์ในหมู่ญาติและเพื่อน 45 เมื่อไม่พบพระองค์ ทั้งสองจึงได้ย้อนกลับไปตามหาพระองค์ในเมืองเยรูซาเล็ม 46 สามวันผ่านไป จึงพบพระเยซูในพระวิหารท่ามกลางเหล่าอาจารย์ ทั้งฟังและซักถามเขาเหล่านั้น 47 ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ประหลาดใจที่พระองค์เข้าใจและตอบคำถามต่างๆ ได้ 48 เมื่อบิดามารดาเห็นพระองค์ก็รู้สึกแปลกใจ มารีย์บอกพระองค์ว่า “ลูกเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงทำเช่นนี้ ดูเถิด พ่อแม่ต้องตามหาเจ้าด้วยความกังวล” 49 พระเยซูตอบว่า “ทำไมจึงตามหาข้าพเจ้า ท่านไม่ทราบหรือว่า ข้าพเจ้าต้องร่วมในกิจการของพระบิดาของข้าพเจ้า”[i] 50 แต่บิดามารดาก็ไม่เข้าใจคำพูดของพระองค์ 51 พระเยซูได้เดินทางกลับลงไปยังเมืองนาซาเร็ธพร้อมกับบิดามารดา และเชื่อฟังเขาทั้งสองด้วยดี แต่มารีย์ระลึกเรื่องราวทั้งหมดมาครุ่นคิดในใจ

52 พระเยซูเจริญวัยขึ้นไม่เพียงแต่ร่างกายและพระปัญญา พระองค์ยังเป็นที่พอใจของพระเจ้าและบุคคลทั่วไปด้วย

Footnotes

  1. 2:1 ซีซาร์ออกัสตัส เป็นจักรพรรดิและปกครองอาณาจักรโรมัน 27 ปี ก่อน ค.ศ. ถึง 14 ปีหลัง ค.ศ. (พ.ศ. 516-557)
  2. 2:1 อาณาจักรโรมัน ในระยะเวลานั้นประกอบด้วยภาคใต้ของทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ
  3. 2:11 คริสต์ เป็นภาษากรีกที่แปลจากภาษาฮีบรู เมสสิยาห์ ชาวยิวเข้าใจว่า เมสสิยาห์คือผู้ที่ได้รับเลือกและเป็นผู้ช่วยให้รอดพ้นที่พระเจ้าสัญญาไว้ในพันธสัญญาเดิม
  4. 2:22 หมวดกฎบัญญัติของโมเสส พระเจ้าให้กฎบัญญัติไว้กับโมเสสสำหรับชาวอิสราเอลเกือบ 1,500 ปีก่อนที่พระเยซูเกิด
  5. 2:23 อพยพ 13:2,12
  6. 2:24 เลวีนิติ 12:8
  7. 2:32 คนนอก คือชนชาติอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชาวยิว
  8. 2:41 ปัสกา เป็นเทศกาลของชาวยิวเพื่อระลึกถึงชนชาติยิว ที่ได้รับการปลดปล่อยทาสออกจากประเทศอียิปต์ ฉบับอพยพ บทที่ 12
  9. 2:49 ในกิจการ แปลได้ความอีกอย่างคือ อยู่ในตำหนัก