บัญชาให้เชื่อฟัง

อิสราเอลเอ๋ย บัดนี้จงฟัง[a]กฎหมายและบทบัญญัติซึ่งข้าพเจ้าจะสอน จงปฏิบัติตามเพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่และเข้าไปครอบครองดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านกำลังยกให้ท่าน อย่าเพิ่มเติมหรือตัดทอนข้อความใดๆ ในบทบัญญัตินี้ แต่จงปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านซึ่งข้าพเจ้ามอบให้แก่ท่าน

ท่านก็ได้เห็นกับตาแล้วถึงสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำที่บาอัลเปโอร์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงประหารทุกคนที่ติดตามพระบาอัลแห่งเปโอร์ แต่ทุกคนที่ยึดมั่นในพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านยังมีชีวิตอยู่ตราบจนทุกวันนี้

ดูเถิด ข้าพเจ้าได้สอนกฎหมายและบทบัญญัติตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงบัญชาแก่ท่าน เพื่อท่านจะปฏิบัติตามในดินแดนที่ท่านจะเข้ายึดครอง จงปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อแสดงให้ประชาชาติทั้งหลายเห็นถึงสติปัญญาและความเข้าใจของท่าน เมื่อพวกเขาได้ยินถึงกฎหมายเหล่านี้ พวกเขาจะกล่าวว่า “ชนชาติยิ่งใหญ่นี้มีปัญญาและมีความเข้าใจจริงๆ” ชาติใดเล่าที่ยิ่งใหญ่ขนาดมีพระเจ้าของพวกเขาอยู่ใกล้ชิดอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงอยู่ใกล้ชิดเราทุกครั้งที่เราทูลอธิษฐานต่อพระองค์? และมีชาติใดเล่าที่ยิ่งใหญ่ขนาดมีกฎหมายและบทบัญญัติอันชอบธรรมเหมือนบทบัญญัติซึ่งข้าพเจ้ามอบให้พวกท่านในวันนี้?

แต่จงรักษาตัวรักษาใจของท่านให้ดีเพื่อท่านจะไม่หลงลืมสิ่งที่ท่านเห็นกับตา ไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เลือนรางจากใจตราบชั่วชีวิต จงสอนลูกหลานสืบต่อกันไป 10 จงรำลึกถึงวันที่ท่านยืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายที่ภูเขาโฮเรบ เมื่อพระองค์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงเรียกประชากรมาชุมนุมต่อหน้าเรา เพื่อฟังถ้อยคำของเรา เพื่อเขาจะเรียนรู้ที่จะยำเกรงเราตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินนี้ และเพื่อเขาจะสอนบัญญัติของเราแก่ลูกหลาน” 11 ท่านทั้งหลายได้เข้ามาใกล้และยืนอยู่ที่เชิงเขาซึ่งมีไฟลุกโชติช่วงขึ้นสู่ท้องฟ้า รายรอบด้วยเมฆดำและความมืดทึบ 12 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับท่านจากเปลวไฟ ท่านได้ยินพระดำรัสแต่ไม่ได้เห็นรูปพรรณสัณฐานของพระองค์ มีแต่พระสุรเสียงเท่านั้น 13 พระองค์ทรงประกาศพันธสัญญาของพระองค์ คือบัญญัติสิบประการซึ่งพระองค์ทรงบัญชาให้ท่านปฏิบัติตาม แล้วทรงจารึกบัญญัตินั้นไว้บนศิลาสองแผ่น 14 ครั้งนั้นเององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าสอนกฎหมายและบทบัญญัติซึ่งท่านจะต้องปฏิบัติตามในดินแดนที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยึดครอง

ห้ามกราบไหว้รูปเคารพ

15 พวกท่านไม่ได้เห็นรูปพรรณสัณฐานใดๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าในวันที่พระองค์ตรัสกับท่านจากไฟที่ภูเขาโฮเรบ ฉะนั้นจงระวังตัวให้ดี 16 เพื่อท่านจะไม่พินาศ โดยสร้างรูปจำลองของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นรูปเคารพในลักษณะใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะมีลักษณะเหมือนผู้ชายหรือผู้หญิง 17 เหมือนสัตว์ต่างๆ ในแผ่นดินหรือนกในอากาศ 18 เหมือนสัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์น้ำ 19 และเมื่อท่านเงยหน้าดูท้องฟ้าและเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวอันเป็นวัตถุในท้องฟ้าทั้งปวง อย่าปล่อยใจไปกราบไหว้สิ่งเหล่านั้น และนมัสการสิ่งต่างๆ ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงปล่อยให้ชนชาติอื่นๆ ทั้งปวงทั่วใต้ฟ้าปฏิบัติ 20 แต่ส่วนท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำออกมาจากเตาหลอมเหล็ก คือออกจากอียิปต์เพื่อเป็นประชากรในกรรมสิทธิ์ของพระองค์อย่างที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้

21 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธข้าพเจ้าเพราะพวกท่านและทรงสัญญาอย่างหนักแน่นว่า ข้าพเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าสู่ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะประทานให้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน 22 ข้าพเจ้าจะต้องตายในดินแดนฟากนี้ จะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป ส่วนท่านจะข้ามไปยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นั้น 23 จงระวัง อย่าลืมพันธสัญญาที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงกระทำไว้กับท่าน อย่าสร้างรูปเคารพเป็นรูปทรงใดๆ ให้กับตนตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงห้ามไว้ 24 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นไฟอันเผาผลาญ เป็นพระเจ้าผู้ทรงหึงหวง

25 ในอนาคตเมื่อท่านลงหลักปักฐานในดินแดนนั้นและมีลูกมีหลาน หากท่านเสื่อมทรามจนสร้างรูปเคารพใดๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและยั่วยุพระพิโรธของพระองค์ 26 วันนี้ข้าพเจ้าขอให้ฟ้าดินเป็นพยานว่าไม่ช้าท่านจะพินาศย่อยยับจากดินแดนซึ่งพวกท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปครอบครอง ท่านจะอยู่ที่นั่นได้ไม่นานและจะพินาศไปอย่างแน่นอน 27 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงขับไล่ท่านให้กระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ ท่านจะเหลือรอดเพียงไม่กี่คนท่ามกลางประชาชาติเหล่านั้น 28 ที่นั่นท่านจะนมัสการบรรดาเทพเจ้าที่มนุษย์สร้างขึ้นจากไม้และหิน ซึ่งมองก็ไม่เห็น ฟัง กิน หรือดมอะไรก็ไม่ได้ 29 แต่หากท่านแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่นั่น ท่านจะพบพระองค์หากท่านแสวงหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ 30 เมื่อท่านทุกข์ลำเค็ญเพราะสิ่งทั้งปวงนี้เกิดขึ้นแก่ท่านในเวลาต่อมา ท่านจะหวนกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและเชื่อฟังพระองค์ 31 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเมตตา พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้ง หรือทำลายท่าน หรือลืมพันธสัญญาที่ทรงให้ไว้กับบรรพบุรุษของท่านซึ่งพระองค์ทรงยืนยันกับพวกเขาโดยคำปฏิญาณ

พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า

32 จงมองย้อนดูประวัติศาสตร์ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้ในโลก มองจากฟ้าข้างนี้ถึงฟ้าข้างโน้น เคยมีอะไรที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อนหรือ? มีใครเคยได้ยินอะไรอย่างนี้ด้วยหรือ? 33 มีคนชาติใดบ้างที่ยังมีชีวิตอยู่หลังจากได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสออกมาจากไฟเหมือนที่ท่านได้ประสบมา? 34 มีพระใดเล่าที่นำชนชาติหนึ่งออกมาจากอีกชนชาติหนึ่งมาเป็นของพระองค์เองโดยการทดสอบ โดยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ โดยสงคราม โดยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และพระกรที่เหยียดออก โดยพระราชกิจอันยิ่งใหญ่และน่าครั่นคร้าม เหมือนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงกระทำเพื่อท่านในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาท่าน?

35 พระองค์ทรงสำแดงสิ่งเหล่านี้เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า นอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใด 36 จากฟ้าสวรรค์พระองค์ทรงให้ท่านได้ยินพระสุรเสียงเพื่อท่านจะอยู่ในโอวาท ในโลกพระองค์ทรงโปรดให้ท่านเห็นไฟมหึมาของพระองค์ และท่านได้ยินพระดำรัสจากไฟนั้น 37 ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงรักบรรพบุรุษของท่านและทรงเลือกสรรวงศ์วานของเขาเหล่านั้น พระองค์จึงทรงนำท่านออกจากอียิปต์ด้วยพระองค์เองและด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 38 ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ซึ่งยิ่งใหญ่และเข้มแข็งกว่าท่านมากนัก และประทานดินแดนของพวกเขาเหล่านั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่านดังเช่นทุกวันนี้

39 ในวันนี้จงรับรู้และจำใส่ใจว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าทั้งในฟ้าสวรรค์เบื้องบนและแผ่นดินโลกเบื้องล่าง ไม่มีพระเจ้าอื่นใด 40 จงปฏิบัติตามกฎหมายและพระบัญชาของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ เพื่อท่านกับลูกหลานจะอยู่เย็นเป็นสุข และอาศัยอยู่ยาวนานในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านตลอดไป

เมืองลี้ภัย(A)

41 จากนั้นโมเสสกำหนดเมืองสามเมืองทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 42 สำหรับเป็นเมืองลี้ภัยของผู้ที่ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาและไม่ได้วางแผนการร้ายไว้ล่วงหน้า เขาจะได้หนีไปเมืองลี้ภัยเมืองใดเมืองหนึ่งเพื่อรักษาชีวิตของตนไว้ 43 โดยให้เผ่ารูเบนลี้ภัยไปเมืองเบเซอร์บนที่ราบสูงในถิ่นกันดาร ให้เผ่ากาดไปเมืองราโมทในกิเลอาด และให้เผ่ามนัสเสห์ไปเมืองโกลานในบาชาน

บทนำสู่บทบัญญัติ

44 ต่อไปนี้คือบทบัญญัติซึ่งโมเสสมอบให้ชนอิสราเอล 45 เป็นข้อกำหนด กฎหมาย และบทบัญญัติซึ่งโมเสสให้ไว้เมื่อพวกเขาออกจากอียิปต์ 46 และมาอยู่ที่หุบเขาใกล้เบธเปโอร์ ด้านตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ในดินแดนซึ่งเคยเป็นของกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ผู้ครอบครองในเฮชโบน โมเสสและชนชาติอิสราเอลได้พิชิตเขาขณะออกมาจากอียิปต์ 47 และยึดครองดินแดนของเขาและของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน กษัตริย์ทั้งสองของชาวอาโมไรต์ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 48 ดินแดนนี้เริ่มจากอาโรเออร์ตรงริมโกรกธารอารโนนจดภูเขาสีรีออน[b] (คือเฮอร์โมน) 49 รวมทั้งดินแดนอาราบาห์ทั้งหมดทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนจนถึงทะเลตาย[c]แถบลาดเขาปิสกาห์

Footnotes

  1. 4:1 หรือเชื่อฟัง
  2. 4:48 ฉบับ Heb. ว่าสิยอน
  3. 4:49 ภาษาฮีบรูว่าทะเลอาราบาห์

โมเสสสนับสนุนให้ชาวอิสราเอลเชื่อฟัง

บัดนี้ โอ อิสราเอลเอ๋ย จงฟังและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และคำสั่งที่เราสอนพวกท่าน เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่และเข้าไปยังดินแดนที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษมอบให้พวกท่านเป็นเจ้าของ ท่านอย่าแต่งเติมเสริมคำจากสิ่งที่เราสั่งไว้ หรือตัดคำให้หดหายไป แต่จงรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ตามที่เราสั่งพวกท่าน ท่านเห็นด้วยตาของท่านเองแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้ากระทำอะไรที่บาอัลเปโอร์ เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้กำจัดทุกคนในหมู่พวกท่านที่หันไปเชื่อเทพเจ้าบาอัล[a]แห่งเปโอร์[b] แต่ทุกคนที่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ท่านยังมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ทุกคน ดูสิ เราได้สอนพวกท่านเรื่องกฎเกณฑ์และคำบัญชาตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราบัญชาไว้ เพื่อให้ท่านปฏิบัติตามในแผ่นดินที่ท่านกำลังเข้าไปยึดครอง ท่านจงรักษาและปฏิบัติตาม แสดงให้บรรดาชนชาติเห็นสติปัญญาและความเข้าใจของท่าน เมื่อเขาได้ยินกฎเกณฑ์เหล่านี้เขาจะพูดว่า ‘ประชาชาติที่ยิ่งใหญ่นี้กอปรด้วยสติปัญญา และเป็นชนชาติที่มีความเข้าใจจริงทีเดียว’ มีประชาชาติใดบ้างที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมีเทพเจ้าอยู่ใกล้เทียบเท่ากับที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราอยู่ใกล้กับเราเวลาเราร้องเรียกถึงพระองค์ และจะมีประชาชาติใดบ้างที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมีกฎเกณฑ์และคำบัญชาอันชอบธรรมทัดเทียมกับกฎบัญญัติทุกข้อที่เราวางไว้ต่อหน้าพวกท่านในวันนี้

จงระวังเถิด ระวังชีวิตของท่านให้ดี มิฉะนั้นท่านจะลืมสิ่งที่ท่านเห็นด้วยตาของท่าน และมันจะเหินห่างจากใจท่านไปจนชั่วชีวิต จงบอกเรื่องราวนี้ต่อๆ กันไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน 10 ถึงวันที่ท่านได้ยืนอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านที่ภูเขาโฮเรบ[c] พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘จงพาประชาชนมาหาเรา เพื่อให้เขาได้ยินคำพูดของเรา เขาจะได้รู้จักเกรงกลัวเราตลอดชีวิตของเขาในโลก และให้เขาสอนลูกหลานของเขาด้วยเช่นกัน’ 11 แล้วพวกท่านก็เข้าไปใกล้ ยืนกันอยู่ที่เชิงเขา ขณะนั้นภูเขาลุกเป็นไฟ เปลวเพลิงพลุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในความมืด เมฆทึบ อีกทั้งมีความมืดมน 12 ครั้นแล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับพวกท่านจากกลางเพลิง ท่านก็ได้ยินเสียงพูดแต่ไม่เห็นรูปลักษณ์ของพระองค์ มีเพียงแต่เสียงเท่านั้น 13 พระองค์ประกาศพันธสัญญาแก่ท่าน และให้ท่านปฏิบัติตามคือบัญญัติสิบประการ แล้วพระองค์เขียนไว้บนศิลา 2 แผ่น 14 ในครั้งนั้นพระผู้เป็นเจ้าบัญชาให้เราสอนกฎเกณฑ์และคำสั่งแก่พวกท่าน เพื่อให้ท่านปฏิบัติตามในแผ่นดินที่พวกท่านกำลังข้ามไปยึดครอง

ห้ามบูชารูปเคารพ

15 ดังนั้น พวกท่านจงระวังชีวิตของท่านเองให้ดี ในเมื่อท่านไม่เห็นรูปลักษณ์ใดในวันที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับพวกท่านที่ภูเขาโฮเรบจากกลางเพลิง 16 จงระวังไว้ มิฉะนั้นพวกท่านจะประพฤติอย่างเสื่อมทรามด้วยการสร้างรูปเคารพให้แก่ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นในรูปใด ในลักษณะของชายหรือหญิงก็ตาม 17 จะเป็นสัตว์บกในโลก หรือเป็นนกบินได้ในอากาศ 18 เป็นเหมือนสิ่งที่เลื้อยคลานบนดิน หรือเหมือนปลาที่แหวกว่ายในน้ำใต้แผ่นดิน 19 และจงระวังเถิด มิฉะนั้นเวลาที่ท่านเงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว และสิ่งทั้งปวงที่อยู่บนท้องฟ้า แล้วพวกท่านอาจจะถูกชักจูงให้หันไปก้มกราบและบูชาสิ่งเหล่านั้น อันเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้แก่ชนชาติทั้งปวงที่อยู่ใต้ฟ้าทั่วทั้งโลก 20 แต่พระผู้เป็นเจ้าได้พาท่านไป และนำท่านออกจากประเทศอียิปต์ที่เป็นเสมือนเตาผิงเหล็ก เพื่อให้เป็นชนชาติซึ่งเป็นมรดกสำหรับพระองค์เอง อย่างที่ท่านเป็นอยู่ทุกวันนี้ 21 พระผู้เป็นเจ้าโกรธกริ้วเรา[d]ก็เพราะพวกท่าน พระองค์ปฏิญาณว่าเราจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน เราจะไม่ได้ก้าวเข้าไปยังแผ่นดินอันอุดมที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านให้ท่านได้รับเป็นมรดก 22 เพราะเราจะต้องตายในดินแดนนี้ เราจะต้องไม่ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป แต่ท่านจะเป็นผู้ข้าม และยึดครองแผ่นดินอันอุดมนั้น 23 พวกท่านจงระวังเถิด มิฉะนั้นท่านจะลืมพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ที่พระองค์ได้ทำไว้กับท่าน ท่านอาจจะสร้างรูปเคารพในรูปลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้ห้ามไว้แล้ว 24 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นดั่งไฟเผาผลาญ[e] พระองค์เป็นพระเจ้าผู้หวงแหน

25 เมื่อพวกท่านมีลูกหลานและอาศัยอยู่ในแผ่นดินจนแก่เฒ่า หากว่าท่านประพฤติอย่างเสื่อมทรามโดยการสร้างรูปเคารพในรูปลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด และกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ซึ่งเป็นการยั่วโทสะของพระองค์ 26 เราขอให้ทั้งฟ้าและดินเป็นพยานกล่าวโทษท่านในวันนี้ว่า ท่านจะตายสาบสูญไปจากดินแดนที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครอง ท่านจะอยู่ที่นั่นไม่ได้นาน และจะถูกฆ่าล้างจนไม่เหลือแม้แต่ซาก 27 พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางบรรดาชนชาติ จะมีเหลืออยู่ก็เพียงไม่กี่คนที่พระองค์ขับไล่ให้ไปอยู่กับบรรดาประชาชาติ 28 และท่านจะบูชาเทพเจ้าที่สลักจากไม้และหิน ทำด้วยมือมนุษย์ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็น ได้ยิน กิน หรือดมกลิ่น 29 แต่ท่านจะแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจากสถานที่นั้น ท่านก็จะพบพระองค์ หากว่าท่านแสวงหาพระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิตของท่าน 30 ยามที่ท่านตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบาก และสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับท่านในวันข้างหน้า ท่านจะกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระองค์ 31 เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นพระเจ้าผู้มีเมตตา พระองค์จะไม่ทอดทิ้งและไม่กำจัดท่าน หรือลืมพันธสัญญาที่พระองค์ได้ปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่าน

พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า

32 จงถามดูเถิดว่า วันที่ล่วงมาในสมัยดึกดำบรรพ์ นับจากวันที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ในโลก และจงถามจากสุดฟากฟ้าด้านหนึ่งจนถึงอีกด้านหนึ่งเถิดว่า เคยมีสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นบ้างไหม หรือเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้บ้างหรือไม่ 33 มีชาติใดที่เคยได้ยินเสียงเทพเจ้าเอ่ยจากเพลิงไฟดังที่ท่านได้ยิน และยังมีชีวิตอยู่ได้ 34 หรือมีเทพเจ้าใดที่พยายามนำประชาชาติหนึ่งที่อยู่ภายใต้การนำของอีกประชาชาติหนึ่งออกมาให้เป็นของเทพเจ้าเอง โดยใช้วิธีทดสอบโดยปรากฏการณ์อัศจรรย์ สิ่งมหัศจรรย์ โดยการสงคราม โดยอานุภาพและพลานุภาพ และโดยเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัว เหมือนกับที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกระทำเพื่อท่านในอียิปต์ ให้เห็นต่อหน้าต่อตาพวกท่าน 35 สิ่งเหล่านี้ปรากฏให้พวกท่านเห็น เพื่อให้ท่านทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้ใดอีกนอกจากพระองค์ 36 พระองค์ให้ท่านได้ยินพระองค์จากสวรรค์ เพื่อสอนท่านให้รู้จักวินัย ให้ท่านเห็นเพลิงไฟบนแผ่นดินโลก และให้ท่านได้ยินเสียงพระองค์กล่าวจากใจกลางเพลิงนั้น 37 เพราะพระองค์รักบรรพบุรุษของท่าน และได้เลือกบรรดาผู้สืบเชื้อสายต่อมา พระองค์นำพวกท่านออกจากอียิปต์ด้วยพระองค์เองและด้วยพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 38 พระองค์ขับไล่บรรดาประชาชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าและเข้มแข็งกว่าพวกท่านเอง เพื่อนำท่านเข้าไป และให้แผ่นดินแก่ท่านเป็นมรดกอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 39 จงรู้ไว้เสียในวันนี้เถิด และจารึกไว้ในใจของท่านว่า พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าในสวรรค์เบื้องบนและในโลกเบื้องล่าง ไม่มีผู้ใดอื่นอีกแล้ว 40 ฉะนั้นท่านจงรักษากฎเกณฑ์และพระบัญญัติของพระองค์ตามที่เราสั่งท่านในวันนี้ เพื่อว่าทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีสำหรับท่านและลูกหลานของท่าน และท่านจะได้มีชีวิตยืนยาวในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้ไว้ตลอดกาล”

เมืองลี้ภัย

41 แล้วโมเสสเลือกเมืองที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 3 เมือง 42 เพื่อให้คนไปหลบซ่อนอยู่ได้ในกรณีฆ่าคนโดยไม่มีเจตนา เพราะไม่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน เขาจะหนีไปอยู่ที่เมืองใดเมืองหนึ่งเพื่อเอาชีวิตรอด 43 เมืองเบเซอร์ในถิ่นทุรกันดารบนที่ราบสูงสำหรับคนจากเผ่ารูเบน เมืองราโมทในแคว้นกิเลอาดสำหรับคนจากเผ่ากาด เมืองโกลานในแคว้นบาชานสำหรับคนจากเผ่ามนัสเสห์

กฎบัญญัติที่ภูเขาซีนาย

44 ต่อไปนี้เป็นกฎบัญญัติที่โมเสสวางไว้สำหรับชาวอิสราเอล 45 นี่คือพันธสัญญา คำสั่ง และกฎเกณฑ์ที่โมเสสกล่าวกับชาวอิสราเอลในยามที่พวกเขาออกจากประเทศอียิปต์ 46 อีกฝั่งของแม่น้ำจอร์แดนที่หุบเขาตรงข้ามกับเมืองเบธเปโอร์ ในแผ่นดินของสิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์ผู้อาศัยอยู่ที่เมืองเฮชโบน แต่โมเสสและชาวอิสราเอลรบชนะพวกเขาครั้งที่ออกจากอียิปต์ 47 พวกเขายึดแผ่นดินของกษัตริย์สิโหนและของโอกกษัตริย์แห่งบาชาน ทั้งสองเป็นกษัตริย์ของชาวอาโมร์ที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 48 นับจากเมืองอาโรเออร์ซึ่งอยู่ที่ชายลุ่มน้ำอาร์โนนจนจรดภูเขาสีรีออน (คือเฮอร์โมน) 49 รวมทั้งที่ราบอาราบาห์ทั้งหมดทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนจรดทะเลอาราบาห์[f] ทางตะวันออกจรดเชิงเขาปิสกาห์

Footnotes

  1. 4:3 หัวหน้าของบรรดาเทพเจ้าของชาวคานาอัน ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นผู้ที่สามารถปรับสภาพลมฟ้าอากาศ และให้ความอุดมสมบูรณ์แก่มนุษย์และสัตว์
  2. 4:3 กันดารวิถี 25:1-9
  3. 4:10 มีอีกชื่อว่า ภูเขาซีนาย ฉบับอพยพ บทที่ 19
  4. 4:21 กันดารวิถี 20:12
  5. 4:24 ฮีบรู 12:29
  6. 4:49 คือทะเลเกลือ หรือ ทะเลตาย